คิดก่อนพูด หรือ พูดก่อนคิด
ทุกคนต่างก็รู้กันว่า ความคิด เป็นตัวกำหนดการกระทำ รวมทั้ง"คำพูด" และเมื่อพูดออกจากปากไปแล้ว ไม่สามารถที่จะแก้ไขได้ เรามักจะได้ยินคำพูดที่ว่า "ก่อนพูด เราเป็นนายคำพูด หลังพูด คำพูดเป็นนายเรา" เริ่มตั้งแต่มนุษย์รับรู้สิ่งเร้าผ่านประสาทสัมผัส เข้าสู่สมอง จะเกิดกระบวนการประมวลผลของสมอง (ตีความ คิด วิเคราะห์.....) ก่อนตอบสนอง บางคนให้เวลาระบบสมองประมวลผลได้คิด ได้ตีความ ก่อนตอบสนอง แต่บางคนอาจตอบสนองต่อสิ่งเร้าโดยอัตโนมัติอย่างรวดเร็ว ไม่ทันให้สมองได้คิด วิเคราะห์ ไม่มีระบบหน่วงเวลาให้สมองมีเวลาคิดก่อนพูด เกิดปฏิกิริยาการตอบสนองฉับพลัน (Reflex actions) โดยไม่ผ่านการตัดสินใจของสมอง นั่นคือ มนุษย์มีความตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่แตกต่างกัน ในชีวิตจริง เรามักจะเจอคนที่ฟังคนอื่นๆแล้ว พูดสวนออกมาโดยไม่ได้คิด ไม่มีเวลาให้สมองได้คิด ปากพูดตามอารมณ์ ยิ่งโมโห ยิ่งไม่คิดอะไร ควบคุมตัวเองไม่ได้ ในทางกลับกัน บางคนถามอะไรไป ยืนนิ่ง ใช้เวลาคิดนานจนคู่สนทนา ไม่อยากคุยด้วย หรือเอาแต่คิดนาน ไม่ทันกิน เพราะสิ่งเร้าบางอย่าง ไม่ต้องใช้ความคิดมากในการตอบสนอง สามารถทำได้เลย เพราะมีเงื่อนไขที่บังคับให้เราต้องทำ หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น ถ้าท่านเคยเล่นหมากฮอส เวลาคู่แข่ง เดินหมากให้กิน เราต้องเดินหมากกินเลย ไม่ต้องใช้เวลาคิดมาก คิดเพียงจะเอาหมากตัวไหนกิน เพราะเกมส์ถูกบังคับให้ต้องทำแบบนั้น ไม่เหมือนการเดินหมากในเกมส์หมากรุกที่ต้องมองภาพรวม หรือวางแผนก่อนหน้า เพื่อหาทางเลือกที่ดีที่สุดในการเดินเอาชนะ ในขณะที่กำลังสื่อสารระหว่างผู้ส่งสาร และผู้รับสาร ระบบสมองของมนุษย์จะทำงานก่อนตอบสนอง ผมเรียกช่วงเวลาที่สมองกำลังทำงานว่า "การหน่วงความคิด" ต้องหน่วงแบบไม่ช้าเกินไป ไม่เร็วเกินเหตุ แต่ต้องทำอย่างมี สติ หลีกเลี่ยงการใช้อารมณ์ ซึ่งอาจจะเกิดการอคติทางความคิดได้ ทั้งนี้การหน่วงความคิดของแต่ละคน ก็ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับคุณภาพของชุดข้อมูล กรอบความคิด ความทรงจำ ประสบการณ์ ...ที่เก็บในระบบสมองและถูกนำมาประมวลผล
มีข้อคิดที่น่าสนใจจากนักปราชญ์ชาวกรีช กล่าวไว้ว่า "ก่อนที่แต่ละคนจะพูดหรือสื่อสารอะไรออกไปนั้น ควรนึกถึงตัวกรอง 3 อย่างก่อนคือ ความจริง , สิ่งที่ดี และเป็นประโยชน์ เพราะบางคำพูดอาจทำลายหรือทำร้ายคนอื่นได้ แม้จะเป็น ความจริง ขณะที่บางสถานการณ์เราก็ไม่จำเป็นต้องพูดออกไป หากพูดแล้วไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรขึ้น อย่างไรก็ตาม จะพบความแตกต่างในทางที่ดีขึ้นเสมอหากการสื่อสารแต่ละครั้งนั้นมีสติกำกับอยู่ด้วย เพราะสติจะสร้างวิธีสื่อสารที่มีการให้เกียรติซึ่งกันและกัน สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการอยู่ร่วมกันอย่างมีคุณภาพ......" สอดคล้องคำพูดที่ว่า "เวลาจะพูดต้องคิดก่อนว่า พูดแล้วได้อะไร เสียอะไร และ ไม่พูดแล้วได้อะไร เสียอะไร " แรกๆผมก็ไม่เข้าใจคำนี้เท่าไหร่นัก พอเวลาผ่านไป ได้เจอกับคนมากขึ้น จึงเข้าใจและก็ใช้ปฏิบัติมาจนทุกวันนี้ ตัวอย่างเพื่ออธิบายให้ชัดเจนคือ ในวันหนึ่ง ลูกน้องมารายงานว่า น้องที่ทำงานในทีมไปมีเรื่องทะเลาะกับเพื่อนที่ทำงานอีกแผนก ถ้าฟังตั้งแต่แรกแล้วรีบตัดสินใจเรียกเขามาสอบสวน หรือตำหนิ อาจเพิ่มความเครียดในที่ทำงานให้กับเขา ซึ่งจะส่งผลกับงานที่เขากำลังทำ ผลที่ตามมา จะได้อะไร และจะเสียอะไร เพราะเป็นช่วงที่ทีมกำลังทำงานเร่งด่วนให้กับโครงการที่จะส่งมอบให้กับลูกค้าอีกไม่กี่วัน ผมจึงเลือกที่จะไม่ทำอะไร เพราะยังไม่ใช่เรื่องสำคัญที่ต้องทำเร่งด่วนในตอนนี้ (เคยเขียนเรื่องการจัดลำดับความสำคัญ ไว้ในเรื่อง "จอมยุทธมั่ว"กลับไปอ่านได้ครับ) และเวลาผ่านมา หลังทีมงานได้ส่งมอบงานให้ลูกค้าแล้ว น้องก็มาขอคุยด้วยกับผม อธิบายเรื่องที่ทะเลาะกัน และได้ขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้น จากการเข้าใจผิดในงานที่เกิดจากการสื่อสารผิดพลาด ซึ่งได้เรียกคู่กรณีมาทำความเข้าใจกัน ขอโทษขอโพยกัน จบลงด้วยดี ถ้าวันนั้นผมเลือกที่จะเรียกลูกน้องมาตำหนิ ด่าว่า สิ่งที่ตามมาจะเป็นยังไง จะได้อะไร จะบั่นทอนกำลังใจในการทำงานไหม๊ บางปัญหาต้องรีบแก้ไขทันที ไม่งั้นจะสร้างความเสียหาย แต่บางปัญหาก็รอได้ หากไม่ส่งผลกระทบ หรือทำให้เสียหาย คุณสมบัติที่ดีของผู้นำอย่างหนึ่งคือ สมองต้องมีระบบกรองความคิด ต้องมีระบบหน่วงความคิด ก่อนจะพูด หรือตัดสินใจทำอะไร ให้นึกถึงคนฟัง นึกถึงผลกระทบที่จะตามมา หัดเป็นผู้รอบ้าง จะได้มีต้องมาเสียใจเพราะคำพูดของตนในภายหลัง คำพูดที่ออกจากปากไป แก้ไขไม่ได้ ในชีวิตจริงเราอาจจะเคยเจอผู้นำที่ตอบสนองสิ่งเร้าอย่างรวดเร็ว ตามอารมณ์ ใช้ความรู้สึกนำความคิด บางคนอาจมองว่า เขาเป็นคนเก่ง คิดไว ทำไว เป็นผู้นำรุ่นใหม่ แต่บางคนมองว่า เขาไม่แคร์ความรู้สึกของผู้ฟัง และไม่รู้ตัวว่า คำพูดบางคำของเขาได้ทำร้าย หรือทำลายความรู้สึกของคนอื่น ซึ่งอาจส่งผลกระทบ ไม่เกิดประโยชน์ต่อภาพรวม คนพูดๆไปแล้ว ไม่เก็บมาคิด กลับบ้าน กินอร่อย นอนหลับสบาย ในขณะที่คนฟังนั่งเครียด กินไม่ลง นอนก่ายหน้าผาก คิดหนัก นอนไม่หลับ คิดวนเวียนกับคำพูดไม่กี่คำของคนที่พูดโดยไม่คิด คำพูดของคนหนึ่ง อาจจองจำความรู้สึก และสร้างความเจ็บปวดให้กับอีกคนไปจนวันตาย คำพูดบางคำมีพลังสร้างแรงบันดาลใจให้อีกคนเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ คำพูดจึงเป็นทั้งพลังสร้างสรรค์ หรือเป็นพลังแห่งการทำลายล้างได้ ขึ้นอยู่กับการมีสติและเจตนาของผู้ที่พูด คำพูดบางคำ อาจเป็นคำพูดปกติของอีกคน แต่อาจเป็นคำฆ่าของอีกคน เพราะผู้รับสารแต่ละคนผ่านชีวิตมาไม่เหมือนกัน ผมเชื่อว่า ทุกคนล้วนมี keyword ที่ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกต่อการใช้ชีวิตไม่เหมือนกัน และคำพูดที่ไม่มีประโยชน์ บางครั้งหากพูดออกไป อาจจะก่อให้เกิดผลเสียต่อตนเอง หรือคนรอบข้าง การอยู่เฉยๆโดยไม่พูดอะไรเลย จะดีเสียกว่า (พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง)
"จงระวังความคิด เพราะความคิดจะกลายเป็นคำพูด
จงระวังคำพูด เพราะคำพูดจะกลายเป็นการกระทำ
จงระวังการกระทำ เพราะการกระทำจะกลายเป็นนิสัย
จงระวังนิสัย เพราะนิสัยจะกลายเป็นบุคลิก
จงระวังบุคลิก เพราะบุคลิกจะกลายเป็นชะตากรรม" ....คานธี
พ่อหมูตู้