คนเห็นแก่ตัว กับบรรทัดฐานทางสังคม
ภาระกิจประจำวัน ตอนเย็นผมต้องพาหมาไปเดินเล่นสวนสาธารณะเล็กๆ ริมคลองประปาใกล้บ้าน เดินจูงหมาไป ฟังเพลงดังจากหูฟัง ไม่ค่อยจะสนใจโลกภายนอก ด้วยคิดไปเองว่า การใช้ชีวิตของตัวเองก้ำกึ่งระหว่าง social introvert กับ thinking introvert พยายามไม่เอาเรื่องใดๆอะไรมารกหัว อยู่กับปัจจุบัน อยู่กับตัวเองกับหมา สบายใจสุด หลายปีที่ชอบอยู่บ้าน ไม่จำเป็นไม่ออกจากบ้าน เพราะความจำเป็นของการใช้ชีวิต ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ทำให้เจอกับเรื่องมนุษย์ที่มีพฤติกรรมเห็นแก่ตัว โดยเฉพาะคนที่ไม่รู้จักเกรงใจผู้อื่นในพื้นที่สาธารณะ ทำให้ผมคิดถึงเรื่อง mindset ของมนุษย์ ซึ่งเป็นกระบวนการทางความคิด เป็นความเชื่อที่มีผลต่อพฤติกรรมที่ฝังอยู่ในตัวมนุษย์ ทำให้เกิดเป็นทัศนคติและประสบการณ์ต่างๆในตัวมนุษย์ สิ่งที่ได้เห็นเป็นประจำทุกวันคือ เรื่องคนจับกลุ่มนั่งกินเหล้า กินเบียร์ บางคนเอาโต๊ะมาตั้ง เอาเก้าอี้มาวาง ราวกับเป็นลานบ้านตัวเอง นั่งขวางทาง ที่ใช้เป็นทางเดิน หรือเป็นลู่วิ่งของคนมาออกกำลังกาย ซึ่งมีความกว้างเพียง1.2เมตร มีสองเลน กินกันเสร็จก็โยนทิ้งเป็นขยะกองโตเกลื่อนกลาดบนสนามหญ้า ไร้จิตสำนึก อดคิดไม่ได้ว่าพวกเขาโตกันมายังไง toxic mindset ของพวกเขาเริ่มสร้างมาตอนไหนกัน ยังมีพ่อค้าขับรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างมาจอดริมทาง ย่างไส้กรอกขาย ควันฟุ่งกระจาย ไม่ต้องรับผิดชอบต่อมลภาวะ หรือไม่สน ไม่เกรงใจคนที่เขากำลังวิ่งออกกำลังกาย ต้องวิ่งผ่านควัน สูดกลิ่นที่ไม่เป็นประโยชน์เลย เจ้านี้มีคนทำงานออฟฟิคจอดรถซื้อกันเยอะ อยากบอกพวกเขาว่า เห็นพ่อค้าเดินเข้าไปฉี่พื้นที่รกข้างทาง ตอนไม่มีคน ลองคิดดูผู้ชายฉี่ต้องจับไอ้นั่นไหม๊ แล้วเขากลับออกมาโดนไม่ล้างมือ หรือมีผ้าเช็ด แล้วมาจับไส้กรอกย่างขายต่อ กินกันได้ยังไง ก็เพราะคนซื้อไม่รู้ ไม่เห็น กินอย่างเดียว เรื่องนี้ทำให้ผมคิดถึงช่วงแรกที่เข้ามากรุงเทพ ขณะรอซื้อไอติมตักจากรถเข็นข้างทาง คนขายออกมาจากพุ่มไม้ข้างทาง และสั่งขี้มูกต่อหน้า ผมยืนงง ประมวลผลว่าจะเอาหรือไม่ ช้าไปแล้ว พ่อค้าตักไอติมกะทิใส่เม็ดแมงรัก ส่งให้ เห็นเนื้อไอติมเหมือนขี้มูกเลย ต้องนั้นเป็นพึ่งเข้ามาเรียนที่กรุงเทพใหม่ๆ ขี้อาย ขี้เกรงใจ ขี้ขลาด กลัวเขาว่า ได้แต่รับมาจ่ายตังค์ไป ไม่กล้ากิน เลยเอามาทิ้งถังขยะ จากวันนั้นสัญญากับตัวเองว่า จะไม่กินของตามรถเข็นข้างทางที่คนขายต้องไปฉี่ข้างทางอีก ...และยังมีบางคนเอารถมอเตอร์ไซค์ขึ้นมาจอดบริเวณทางเดินให้คนอื่นเดินลำบาก ทำยังกะตัวเองเสียภาษีมากกว่าคนอื่น จอดข้างทางเหมือนคนอื่นไม่ได้ .... มีหลายอย่างที่เกิดขึ้นให้เห็น ล้วนเกิดจากความเห็นแก่ตัว มองไม่เห็นความลำบากของคนอื่น นับวันคนพวกนี้จะมีมากขึ้น ใครเคยไปเที่ยวประเทศที่เจริญแล้ว คนในประเทศเขามีความใส่ใจเรื่องจิตสาธารณะมากกว่าเราเยอะ มันเป็นเรื่องของบรรทัดฐาน(norms) ของคนที่พึ่งต้องประพฤติปฏิบัติต่อกัน เกริ่นมายาว เพื่อจะเข้าเรื่องบรรทัดฐานทางสังคม (Social Norms) เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องปฏิบัติต่อกันเมื่ออยู่ด้วยกันในสังคม ไม่ใช่เรื่องพิเศษใด เหมือนเป็นหน้าที่ของความเป็นมนุษย์ในสังคมที่เจริญ ควรปฏิบัติต่อกัน แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ
1 วิถีชาวบ้าน (Folk ways) คือการทำต่อๆกันมา ไม่ทำตามไม่ผิด แต่อาจดูแปลก โดนนินทา ถูกตำหนิ แบ่งเป็นเรื่องสมัยนิยม(Fashion),ความนิยมชั่วครู่(Fad),งานพิธี(Ceremony) และมารยาทในสังคม(Social Etiquette) เช่น อาบน้ำวันละ 2 ครั้ง,มารยาทในวงอาหาร,มารยาทในการใช้พื้นที่ร่วมกันในชุมชน(จิตสาธารณะ)
2 จารีต (Mores)คือมีเรื่องศาสนา จริยธรรม(Ethic) ความถูกผิดเข้ามาเกี่ยวข้อง และข้อห้ามไม่ให้กระทำ(Taboo) เช่น พ่อแต่งงานกับลูกสาว,พระสงฆ์คบกับสีกา, ใส่เสื้อสีฉูดฉาดไปงานศพ .....
3 กฏหมาย (Laws) เป็นการควบคุมอย่างเป็นทางการ ทุกคนต้องทำตาม มีบทลงโทษชัดเจน เช่นขโมยของ,ทำร้ายร่างกาย,ขับรถผิดกฏ .....
ถ้าคนๆหนึ่ง จะมีพฤติกรรมอย่างไรต่อสังคม เริ่มมาจาก ค่านิยม (Value), ความเชื่อ (Belief), บรรทัดฐาน (Norms), พฤติกรรม (Behavior) จนถูกสร้างเป็นนิสัย,ความชอบ,ทัศนคติ,กรอบความคิดของคนๆนั้น จึงไม่แปลกที่คนในสังคมไทยที่อยู่ร่วมกัน จึงมีความคิด มีความชอบที่ไม่เหมือนกัน เพราะเราต้องยอมรับว่า สังคมเรามีค่านิยมที่หลากหลาย(แต่เหมือนกันเรื่องเงิน) เรามีความเชื่อ ที่ถูกสร้างขึ้นมามากมาย เรามีพฤติกรรมที่แตกต่างกันในชั้นทางสังคมที่แตกต่างกัน และเรามีบรรทัดฐานที่ดูเหมือนจะเหมือนกันแต่ต่างกันในการปฏิบัติภายใต้ปัจจัยและสิ่งแวดล้อมที่แต่ละคนอยู่ ไม่ได้หวังให้ทุกคนในสังคมต้องเปลี่ยนกรอบความคิดเป็น Growth Mindset ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าคนๆหนึ่งจะเปลี่ยนได้ ทำได้ไม่ง่าย ต้องใช้เวลา เอาแค่เปลี่ยนวิธีคิดเรื่อง ความเห็นอกเห็นใจกัน (empathy) ซึ่งเขียนไว้ในเรื่องเล่า "ความเข้าใจผู้อื่นในมุมมองที่เขาเป็น" ก็เพียงพอ จะทำให้สังคมเราน่าอยู่ขึ้น
ถึงแม้บรรทัดฐานทางสังคมบางอย่าง ไม่ทำตาม ไม่ผิด แต่หากทำไปโดยไม่รู้ตัวว่าผิด มองไม่เห็นผลกระทบต่อผู้อื่น จะสร้าง mindset ที่ผิดๆ ให้คนมีพฤติกรรมที่เห็นแก่ตัว ชอบความสะดวกสบายของตัวเองโดยไม่สนใจส่วนรวมว่าจะคิดยังไง ไม่มีความคิดเห็นอกเห็นใจคน เมื่อทำกันเป็นวงกว้าง สังคมจะมีแต่ความเสื่อมลง กลายเป็นปัญหาของสังคมในที่สุด
"ในสิ่งที่ถูกต้อง ย่อมมีความผิดพลาดปะปนอยู่เสมอ"
พ่อหมูตู้