โรคสำออย กับความอ่อนแอของจิตใจ
ในช่วงใช้ชีวิตทำงานประจำ ไม่ค่อยดูแลสุขภาพ นอนน้อย ทำงานเยอะ ใช้สมองเยอะ เอะอะก็เจ็บป่วย นั่งประชุม หรือทำงานนานไปก็ปวดหลัง (office syndrome), กินน้ำน้อย ก็เจ็บคอ, จ้องจอคอมพิวเตอร์นาน ก็ปวดตา , เดินโดนฝนเล็กน้อย ก็มีน้ำมูก เป็นหวัด ,กินอาหารเผ็ดหน่อย ก็ปวดท้อง ท้องเสีย ........ คนที่ป่วยเป็นนั่นเป็นนี่บ่อยครั้ง เป็นสัญญาณเตือนว่า กำลังมีสุขภาพร่างกายที่อ่อนแอ มาจากการที่ละเลยการดูแลสุขภาพ ทานอาหารไม่ดี กินอาหารไม่ครบหมู่ ไม่ออกกำลังกาย เครียดจัด พักผ่อนน้อย โรคภัยก็ถามหาได้ง่าย ๆ หรืออาจเกิดจากมีภูมิคุ้มกันไม่ดีพอ ซึ่งไม่ได้หมายถึงภูมิคุ้มกันของร่างกาย แต่เป็นภูมิคุ้มกันของจิตใจ ซึ่งเกี่ยวกับโรคนี้ชนิดหนึ่ง ที่ถูกสร้างจากจิตปรุงแต่ง ซึ่งผมเรียกว่า "โรคสำออย" โรคนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกับเด็กที่มีอาการ คิดว่าตัวเองบอบบางอยู่ตลอดเวลา หนักไม่เอา เบาไม่สู้ เหนื่อยมากก็ไม่ได้ ร้อนนิดก็ไม่ไหว สกปรกหน่อยก็ไม่เอา ซี่งจะต่างจากโรคแกล้งป่วย (Factitious disorder) คือคิดว่าตัวเองป่วย ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ได้มีป่วย โดยจะแสร้งทำเพื่อหวังผลประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งจากการอาการป่วยนี้ หรือ โรคคิดไปเองว่าป่วย(Hypochondriasis) คือคิดไปว่าตัวเองป่วยเป็นโรคใดโรคหนึ่ง และจะชอบหาหมอหลายครั้ง หมอวินิจฉัยว่าไม่ได้เป็นอะไรก็จะไม่ยอมเชื่อ ทำให้ต้องหาหมอซ้ำอีก เมื่อผลวินิจฉัยออกมาเหมือนเดิม ก็จะไม่ยอมเชื่ออยู่อย่างนั้น ทำให้ต้องวิ่งเข้าวิ่งออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น เพราะคนกลุ่มนี้จะเชื่อว่าตัวเองป่วยจริงๆ เกิดจากความวิตกกังวลของเขาเอง ส่วนโรคสำออยเป็นเรื่อง จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว คือ จิตสั่งให้กายอ่อนแอ ให้บอบบาง ให้ภูมิคุ้มกันของจิตต่ำลง ตอนนั้นเจ็บคอ มีน้ำมูก เล็กน้อยก็เข้าโรงพยาบาล เพราะมีสวัสดิการเบิกได้ ไม่ต้องควักตังค์ซื้อเอง ช่วงหลังนั่งทำงานนานไป ปวดหลังกลายเป็นโรคเจ็บจากหมอนรองกระดูก รักษาเป็นปี ไปหาหมอทุกสัปดาห์ ใช้สวัสดิการรักษาหมดไปเกือบแสน เป็นอะไรเล็กๆน้อยก็ป่วยเข้าโรงพยาบาลอย่างเดียว ไม่เคยรักษาที่คลีนิกเลย คิดตอนนั้นคือ เจ็บปวดต้องหาหมออย่างเดียว ไม่เคยอดทน ไม่รอดูอาการ หรือซื้อยากินเอง หลังจากที่เกษียณมา เชื่อไหม๊ ผมไม่เคยเจ็บปวดถึงขนาดเข้าโรงพยาบาลเลย ปวดเนื้อปวดตัวหายาทา นวดตัวเอง นานๆมีไข้มีน้ำมูกซื้อยามากินก็หาย ไม่ค่อยเจ็บไม่ค่อยป่วย เพราะร่างกายถูกจิตสะกดไว้ว่า ถ้าเข้าโรงพยาบาลตอนนี้ เบิกไม่ได้ จะต้องเสียตังค์เอง ต้องไม่เจ็บไม่ป่วย จิตจะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเอง เขาเรียกแบบนี้ว่าการเจ็บป่วยมาจากภาวะทางเศรษฐกิจของผู้ป่วย ส่งผลกระทบต่ออาการของโรค ทำให้เข้าใจว่า ทำไมคนที่ทำงานกลางแดด ชาวนา ชาวสวน พ่อค้า แม่ค้าขายของกลางแจ้ง หรือบรรดาลูกๆของพวกเขา ที่วิ่งเล่น ปั่นจักรยานกลางแดด อยู่ง่าย นอนง่าย กินง่าย คนพวกนี้จะไม่ค่อยป่วย ความเคยชินสร้างให้พวกเขามีภูมิคุ้มกันไม่ป่วยง่าย ป่วยทีก็หนักไปเลย ซึ่งต่างกับเด็ก gen ใหม่ในตอนนี้ นอนแอร์ กินอาหารสั่ง ขนมถุง อากาศเปลี่ยนนิดหน่อย ก็ป่วย พ่อแม่ต้องพาเข้าโรงพยาบาล ทุกวันนี้ผมแว้นรถตากแดด ตากลม ตากฝน ไม่เป็นอะไร ร่างกายหลั่งสารอึด ทน มาปกป้องตัวเอง โรคสำออยที่เคยเป็นก็หายไป และสิ่งที่ได้คือ ทำให้เราได้รู้ว่า ร่างกายของเรามีกลไกการปรับตัวให้เป็นไปตามภาวะจิตที่เราเป็น เสมือนว่า ตัวเองเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ไปแล้ว
"ความเจ็บป่วยเป็นธรรมดาของชีวิต ไม่มีใครหนีพ้นความจริงข้อนี้ไปได้ แม้พยายามป้องกันเพียงใดก็ตาม ก็ย่อมมีวันที่จะต้องล้มป่วย ในยามนั้นนอกจากการเยียวยารักษากายแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันก็คือการดูแลรักษาใจ เพราะความป่วยใจมักเกิดขึ้นควบคู่กับความป่วยกาย บ่อยครั้งความป่วยใจยังซ้ำเติมให้ความป่วยกายเพียบหนักขึ้น หรือขัดขวางไม่ให้การเยียวยาทางกายประสบผลดี แต่หากดูแลรักษาใจให้ดีแล้ว ความทุกข์ทรมานก็จะลดลง อีกทั้งยังอาจช่วยให้ความเจ็บป่วยทุเลาลงด้วย ....." พระไพศาล วิสาโล
พ่อหมูตู้