เรื่องหมาๆ
ตอนนั้นโดนหัวหน้าไม่พอใจอย่างแรง ด้วยเรื่องที่เราไปโต้เถียงเขาในเนื้อหาของงาน ที่ไปอบรมมา และกำลังจะเอามา implement เพื่อปรับใช้กับระบบงานปัจจุบัน ด้วยมีกฏเหล็กอยู่สองข้อ คือ ข้อที่หนึ่ง หัวหน้าถูกเสมอ ข้อที่สอง เมื่อใดที่คิดว่าหัวหน้าผิดให้ย้อนกลับไปอ่านข้อหนึ่งใหม่ และ ในใบกำหนดหน้าที่งาน (job description) ในสมัยนั้น มักจะเขียนในข้อสุดท้ายว่า " ให้ปฏิบัติงานตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด " ในวันนั้น ทำให้ผมไม่มีความสุขในการทำงานเลย กลับมาบ้านก็ยังเอาเรื่องงานกลับมาคิดด้วย จะนอนก็ยังคิดวนเวียน ซ้ำๆ ไม่หยุด ปวดหัว นอนไม่ค่อยหลับ ตื่นมาก็ต้องไปทำงาน เจอกับหัวหน้าที่ทำหน้าบึ้งตึงไม่พอใจใส่อีก ยิ่งทำให้เราเครียดเพิ่มขึ้น จนไม่มีใจทำงานแล้วตอนนั้น พกเอาความเครียดกลับมาบ้าน ตอนนั้นยังเลี้ยงหมาตัวแรกชื่อ "โบอิ้ง" เป็นหมาพันธุ์เชา เชา ตัวยังกะหมี ความซวยของเจ้าโบอิ้ง ที่ดันสร้างปัญหาในวันนี้ คือกัดรองเท้าหนังคู่โปรด จนขาดวิ่น ไม่เหลือชิ้นดี กระจุยกระจายทั่วบ้าน ด้วยอารมณ์เครียดสะสม และช่วงนั้นยังไม่เข้าใจเรื่องอารมณ์ จึงเผลอไปดุเขาอย่างแรง และตีก้นไปหนึ่งที จนเจ้าหมายักษ์ทำหน้าเศร้า วิ่งหลบไปนั่งมุมห้อง ไม่มาอยู่ใกล้เหมือนเดิม เวลาผ่านได้ 4 ชั่วโมง ถึงเวลาต้องขึ้นห้องนอนที่อยู่ชั้นสองของบ้าน เจ้าโบอิ้งก็เดินกระดิกหาง ส่ายหัวมาให้กอดราวกับว่าไม่เคยเกิดเรื่องอะไรกันมาก่อน ซึ่งเป็นกิจวัตรที่เขาต้องทำทุกวัน ตอนนั้นรู้สึกได้รับพลัง ที่ส่งมาจากหมาตัวนี้ มาสะกิดสติให้คิดขึ้นได้ และต้องขอบคุณที่ได้สอนบทเรียนอันยิ่งใหญ่ในการใช้ชีวิต คืนนี้ผมเข้านอนหลับอย่างสบายใจ รุ่งขึ้น ผมเดินเข้าไปห้องหัวหน้า ทักทายพูดคุยปกติเสมือนว่า ไม่เคยมีปัญหากันมา และพูดขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิด แล้วค่อยๆอธิบายทุกสิ่งให้เขาได้รู้ ได้เข้าใจ ทุกสิ่งผ่านไปด้วยดี หัวหน้าก็มีรอยยิ้มให้ และเปิดใจรับฟัง ผมกลับออกมาพร้อมทิ้งความเครียดที่สะสมมาหลายวันไว้ถังขยะหน้าห้องหัวหน้า วันนั้นกลับบ้านมา โผเข้ากอดเจ้าโบอิ้งด้วยความรัก ขอบคุณที่เราให้รู้จัก วางทิฐิ(ego)ในตัวลง และไม่คิดจมอยู่กับอดีตที่ผ่านมาที่แก้ไขไม่ได้
หมามันรักและซื่อสัตย์ ไม่เคยโกรธ ไม่เคยโทษ ไม่เคยอารมณ์เสียเวลาเจ้าของทำไม่ดีกับมัน มันใช้ชีวิตอยู่กับความสุขในปัจจุบัน เรื่องเมื่อวานมันไม่เอามาคิด เก็บเพียงความทรงจำบางอย่าง และไม่เคยวางแผน ไม่เคยอยากได้อยากมีในวันพรุ่งนี้ บางที สัตว์เลี้ยงของมนุษย์ที่เรียกว่า "หมา" ที่มองว่าเป็นแค่สัตว์ชั้นต่ำ ไร้ความคิด เขาอาจมีการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกว่ามนุษย์บางคน ไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ต้องกังวลอะไร เว้นแต่จะทุกข์จากการเจ็บป่วยของเขา และเขาอาจมีจิตใจที่สูงกว่ามนุษย์บางคน ที่คิดแต่ฆ่าฟัน ทำร้ายกัน โดยมนุษย์ก็ประดิษฐ์คำด่าคนเลวๆ ว่า "ชาติหมา" เพื่อลดค่าความเป็นมนุษย์ลงมา ก็คล้ายกับคำว่า "ควาย" ที่สื่อว่าโง่ ทั้งที่หมามันไม่ได้เลว ควายมีประโยชน์ พอทำตัวไม่ดี ก็ว่า"ชิงหมาเกิด" พออกหักก็ว่า "รักหมาๆ" พอโดนแย่งคนรัก ก็ว่า "หมาคาบไปแดก" สรุปอะไรก็โทษหมา สัตว์โลกทุกชีวิต ล้วนมีคุณค่าในแบบของเขา มีรูปแบบของการใช้ชีวิตที่แตกต่าง ง่ายดาย ยุ่งยาก ซับซ้อน มนุษย์กำหนดข้อแตกต่างจากสัตว์ และอยู่เหนือสัตว์ ว่ามีสมอง มีสติปัญญา คิดได้ วิเคราะห์เป็น มีสามัญสำนึก..... แต่หากมนุษย์ที่มีสมอง แต่ไม่มีสติ ไม่มีความคิดดีๆ ทำแต่เรื่องที่ไม่ดี เป็นอันตราย ทำร้ายเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน มันยิ่งแย่กว่าความเป็นสัตว์ ถ้าสัตว์มันสื่อสารกันได้ มันก็คงพูดด่าเองกันว่า "ไอ้ชาติมนุษย์" "ชิงมนุษย์เกิด" "รักมนุษย์ๆ" "มนุษย์คาบไปแดก" ......
--------------------------------------------
Dogs do speak, but only to those who know how to listen
จริงๆแล้วสุนัขพูดได้
แต่เฉพาะกับคนที่รู้จักฟังมันเท่านั้น
พ่อหมูตู้