อยู่ผิดที่ ชีวิตเปลี่ยน
มนุษย์ล้วนต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ตามทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ (Maslow's Hierarchy of Needs) วันนี้จะมาเล่าถึง ความต้องการด้านความเคารพ (Esteem Needs เป็นความต้องการที่จะเป็นใครสักคน หรือมีความภูมิใจ เกิดความความเชี่ยวชาญในทักษะต่างๆ , ความต้องการที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่น และความต้องการให้ตนรู้สึกมีคุณค่า(self-esteem) คนที่สามารถตอบสนองความต้องการด้านความเคารพจะมีความรู้สึกมั่นใจในความสามารถของตนเอง กลับกันถ้าเราอยู่ผิดที่ แล้วเรารู้สึกว่าที่ตรงนั้นไม่มีใครให้เกียรติเราเลย ไม่เคารพเราเลยก็จะทำให้เรามี self esteem ที่ต่ำลงไปด้วย เหมือนว่ามีเมล็ดพันธุ์ที่ดีเยี่ยม แต่นำไปปลูกในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม ไม่ใส่ใจ ดูแลรดน้ำ ให้ปุ๋ย ก็ยากที่จะเติบโตเป็นต้นไม้สวยงามตามสิ่งที่ควรจะเป็น ยกเว้นจะเป็นเมล็ดพันธุ์พิเศษ หรือมาจากต่างดาว ที่อึดทนตายยาก ยอมเติบโตอย่างไม่สมบูรณ์ อยู่ ไปพร้อมกับปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่แย่ๆ เพื่อเอาชีวิตรอด
เคยอ่านเรื่องเล่าเกี่ยวกับ ส้มที่ได้จากต้นเดียวกัน 8 ลูกขนาดยักษ์ ถูกแจกให้กับคนกลุ่มหนึ่ง ส้มผลแรกให้กับขอทาน รับไปแกะกินแค่ครึ่งหนึ่ง ก็โยนทิ้งอย่างไร้ค่า แถมยังต่อว่า"ทุเรศจัง ให้มาได้แค่ส้มผลเดียว" ส้มผลที่สองให้กับร้านขายของชำ เจ้าของร้านนำมาคั่น ปรุงรสได้ที่ นำใส่แก้ว แช่ไว้ในตู้แช่หน้าร้าน ขายได้ 10 บาท ส้มผลที่สาม แจกให้กับพ่อค้าผลไม้ ได้นำมาคั่นและปรุงรส ใส่ในขวดพลาสติก แช่ในตู้แช่น้ำแข็ง เดินเข็นขายได้ 20 บาท ส้มผลที่สี่ อยู่กับร้านอาหารแห่งหนึ่งบนห้างสรรพสินค้า ถูกคั่นปรุงรส ใส่แก้ว ใส่หลอดพลาสติกเสียบ ตรงปลายหลอดงอได้ และถูกเสริฟโดยพนักงานของร้าน ขายได้ 50 บาท ส้มผลที่ห้า อยู่กับภัตตาคารแถวริมน้ำแม่ ถูกคั่นปรุงแต่งโดยบาร์เทนเดอร์มือหนึ่งของร้าน เสริฟในแก้วทรงสูง มีก้านสำหรับจับ ที่ปลายแก้วมีส้มถูกฝานเป็นวงกลมเสียบอยู่ ขายได้ 100 บาท ส้มผลที่หก อยู่ในคลับเฮาส์สุดหรู ถูกคั่นปรุงแต่งโดยบาร์เทนเดอร์มือหนึ่ง เสริฟโดยบริกรหนุ่มหน้าตาดี ในชุดทักซิโด้ ด้วยแก้วคริสตัสทรงสูง เจียรนัยอย่างดี ตรงขอบปากแก้ว มีส้มกลีบหนึ่งที่แกะสลักเป็นรูป ขายได้ 300 บาท ส้มผลที่เจ็ด อยู่กับโรงแรมหรูย่านริมแม่น้ำเจ้าพระยา เช่นเดียวกันปรุงแต่งโดยบาร์เทนเดอร์มือหนึ่ง ถูกเสริฟให้กับชาวต่างชาติ ด้วยบริกรที่แต่งชุดไทยรัตนโกสินทร์ ด้วยแก้วครัสตัลอย่างดี ตรงฐานและขอบปากแก้วเคลือบด้วยทอง18เค ตรงกลางของแก้ว มีตราสัญลักษณ์ของโรงแรม เคลือบทอง18เค หลอดที่ใช้เป็นหลอดแก้วใส ตรงปลายเป็นขดเกลียว ตรงขอบปากแก้วมีดอกกล้วยไม้เสียบ ขายได้ 800 บาท ส้มผลที่แปด ถูกเสริฟบนเครื่องบินส่วนตัว ขณะพา สุลต่านบรูไน ไปตรวจบ่อน้ำมัน เสริฟโดยแอร์โอสเตสชุดประจำชาติ ด้วยแก้วทองคำประดับเพชร น้ำส้มแก้วนี้มีมูลค่าถึง 2,000 บาท ..... เป็นแค่เรื่องที่ถูกสร้างขึ้นมาสอนให้เห็นว่า ส้มจากต้นเดียวกันทั้งแปดลูก แต่ถูกกำหนดมูลค่าที่แตกต่างกัน มูลค่าจะเพิ่มขึ้นๆอยู่กับว่า ส้มถูกจัดให้อยู่ตรงไหน อยู่กับใคร อยู่เวลาใด เรื่องส้มนี้ถูกเอาไปสอนเรื่องการลงทุน บางคนเอาไปสอนเรื่องการสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้า
ในชีวิตการทำงานประจำของบางคน อาจโชคดีที่ได้หัวหน้าดี คอยดูแล ช่วยเหลือ คอยสนับสนุนให้เจริญเติบโตทางสายอาชีพ แต่ก็มีอีกหลายคน ที่โชคร้าย หรือเคยทำกรรมเวรกันไว้เมื่อภพชาติที่ผ่านมา ได้เจอหัวหน้านิสัยบ้าอำนาจ สั่งงานอย่างเดียว ไม่เคยคิดพัฒนาลูกน้อง เลี้ยงลูกน้องแบบบอนไซ ไม่เคยพูดถึงเรื่องปรับตำแหน่งให้ เจอแบบนี้ถือว่าซวยสุดของชีวิตการทำงาน ถึงเวลาปรับตำแหน่ง ได้แต่มองเห็นการเจริญเติบโตของเพื่อนที่ขยันน้อยกว่า ทำงานน้อยกว่า ทักษะด้อยกว่า วันๆเอาแต่พูดเก่ง ประจบสอพลอ ได้ยศ ได้ตำแหน่งทุกปี ความรู้สึกไร้ค่า ถูกสะสมจนไม่อยากพัฒนา ทำงานตามสั่งไป แต่องค์กรกลับอยากได้ สิ่งประดิษฐ์ นวัตกรรมใหม่ๆ ต้องการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด จากทุกคนในองค์กร รวมถึงคนที่หมดไฟในองค์กร เพื่อทันตามโลกที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งขณะเดียวกันก็ทำเรื่องความก้าวหน้าในสายอาชีพ (Career Path) ที่ดูเหมือนจะช้าไป ทำไม่ทันที่องค์กรต้องการใช้ มีบางองค์กร เวลาผู้สมัครงานระดับผู้บริหาร เขาจะมีกระบวนการทดสอบทักษะก่อนประเมินว่าคนที่มาสมัคร มีทักษะตรงตามที่องค์กรต้องการ (Competency) หรือไม่ แล้วเขาจะรู้ก่อนว่า ควรจะรับใครมาทำหน้าที่ และคนๆนั้นต้องพัฒนาด้านใดเพิ่มเติม ในเวลาใด เรียกได้ว่า รู้ว่าผู้สมัครยังขาดอะไร และบอกให้ผู้สมัครรู้ตัวว่า เมื่อเริ่มเข้ามาทำงานจะต้องเจอกับเรื่องอะไร ต้องอบรมเรื่องอะไรเพิ่มเติมในแต่ละปี และก็มีบางองค์กรรับคนทำงาน ดูจากสิ่งที่เขาเขียนในกระดาษเกี่ยวกับประวัติการทำงานที่เขียนพรรณนาสวยหรู อาจมีการทดสอบ Attitude แล้วก็นัดสัมภาษณ์ รับเข้ามาทำงานในองค์กร ค่อยมาพัฒนา "ปรับดีเอ็นเอ"ให้เข้ากับวัฒนธรรมองค์กร โดยสร้างแผนพัฒนาทั้งรายคน หรือรายกลุ่มวิชาชีพ ที่ไม่ค่อยปรับตามเหตุการณ์ กำหนดให้ทุกคนในองค์กรต้องทำตาม ซึ่งมักจะมาให้รูปแบบการเข้าฝึกอบรมหลักสูตรต่างๆ ทั้งที่อาจไม่จำเป็นต้องใช้กับทุกคน เสียเวลา สิ้นเปลือง ไม่คุ้มค่า ไม่สร้างประโยชน์ เช่น รับคนมาทำงานด้านการพัฒนาระบบฯ โดยรับผู้สมัครที่มีประสบการณ์การทำงานด้าน Project Leader ในโครงการ มา10 กว่าปี ถูกกำหนดให้ต้องเข้าฝึกอบรม หลักสูตรพื้นฐานการจัดการโครงการ (Project Management) ทั้งๆที่เขาอาจจะรู้ดีกว่าคนสอนอีก กลับมาที่เรื่องการอยู่ไม่ถูกที่ ชีวิตการทำงานของหลายคน ไม่สามารถเลือกที่จะอยู่กับหัวหน้าได้ ขึ้นอยู่กับโชคชะตาที่พามาให้เจอคนแบบไหน โชคดี ก็ดีไป โชคร้ายก็ทำงานด้วยความทุกข์ ทำได้เพียงปรับตัวให้มีชีวิตการทำงานอยู่รอดไป จนกว่าจะขอย้ายหน่วยงาน หรือ หางานใหม่ ไปเสี่ยงดวงเพื่อเจอนายใหม่ที่หวังว่าจะดีกว่า อาจเจอเหมือนนิทาน "กบเลือกนาย" หรือกล้าที่จะลุกขึ้นพัฒนาตัวเองให้เป็นที่ยอมรับ แล้วเลื่อนขึ้นมาเป็นหัวหน้า หรือย้ายไปเป็นหัวหน้าอีกองค์กร หนีจากสภาพแวดล้อมเดิม เรียกว่าไปมีชีวิตใหม่ในที่ใหม่ แล้วสร้างที่ให้น่าอยู่ ให้มีความสุขกับการทำงาน นั่นคือทางเลือกที่ขึ้นอยู่กับการจัดการหาทางออกของแต่ละคน เมื่อรู้ว่าตัวเองอยู่ผิดที่ ผิดเวลา ถูกมองไม่เห็นค่า แต่หากยังไม่ยอมทำอะไร ได้แต่กอดเสาองค์กรแน่นไม่ยอมออกไปไหน ไม่กล้าออกจากกล่องแห่งความหวาดกลัวที่สร้างขึ้น(who moved my cheese?) ก็จะมีชีวิตการทำงานเหมือนต้นบอนไซขี้เหร่เล็กๆไร้ค่า ยากที่จะเติบโต ได้แต่รอวันหมดอายุ กลายเป็น non-performing people ในองค์กร
"เทียนเล่มน้อยที่ไม่ค่อยจะมีคุณค่าสักเท่าไหร่ ถ้าอยู่ในกลางแดดจ้า แต่มันจะมีคุณค่าขึ้นทันที ถ้าอยู่ในที่มืด ถ้าอยู่ถูกคนถูกที่ถูกเวลา เขาจะเห็นคุณค่าในตัวเรา " อ.จตุพล ชมภูนิช
พ่อหมูตู้