ตอนเล็กๆไม่เรียนหนังสือ โตขึ้นมาต้องขัดรองเท้า
ทุกคนมีความเป็นมนุษย์ที่เหมือนกัน แต่เรามีการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน มีต้นทุนชีวิตที่ไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะลงทุนในช่วงเด็กที่ผ่านการเคี่ยวเข็ญ ตั้งแต่เข้าเรียน จนเติบโต ด้วยการเรียนรู้ ปรับตัว ล้วนต้องใช้ความพยายาม ความอดทน ผ่านความเหน็ดเหนื่อย เจอทั้งความผิดหวัง สมหวัง เพราะการอยากมี อยากเป็น อยากสบายในอนาคต หรืออยากมีชีวิตที่ไม่ลำบาก แล้วแต่กรอบความคิดของแต่ละคน และความต้องการของแต่ละคนในทางโลก หนีไม่พ้นทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ (Maslow's Hierarchy of Needs) เส้นทางการใช้ชีวิตที่ได้มาต่างกัน แต่มุ่งสู่สิ่งเดียวกัน บางคนแค่ใช้ชีวิตอยู่ในชั้นพื้นฐานของปิระมิดก็เพียงพอ แต่บางคนต้องการไปสู่ขั้นสุดสูงของปิระมิด โดยไม่รู้จักพอ เหมือนเดินพิชิตยอดภูเขาสูงแล้ว มองไปอีกยอดหนึ่งที่สูงกว่า ก็อยากจะพิชิตอีก เพราะมนุษย์ยังอยู่ในสังคมที่เต็มไปด้วยกิเลส ย่อมมีความไม่พอ ถึงแม้ปากพวกเขาบอกว่า เพียงพอแล้ว
ตลอดการใช้ชีวิตมายาวนาน จนเด็กเรียกว่า "ลุง" ยืนยันได้ว่าปัจจัยที่มีผลต่อการได้มาตามทฤษฏีที่กล่าวมา 90% มาจาก "เงิน" ส่วนอีก 10%มาจาก"โชคชะตา" ทุกคนยอมทำทุกสิ่งให้ได้เงิน ไม่มีเงินหมายถึงมีความลำบากในการใช้ชีวิต การได้มาของเงิน มาจากหลายวิธีบนความถูกต้อง หรือไม่ถูกต้อง การได้มาบนความถูกต้องที่ทุกคนพยายามคือ การมีความรู้ ความสามารถ นั่นคือ ต้องเรียนรู้ พัฒนาตัวเอง ให้เชี่ยวชาญ มีทักษะ เป็นที่ต้องการและยอมรับของระบบสังคม ผลลัพธ์ที่ตามมาคือการมีเงินเพิ่มขึ้น และใช่ว่าทุกคนจะมีผลลัพธ์ที่แน่นอนตายตัว ก็ยังมีปัจจัยหลายสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการประสบความสำเร็จอีก เส้นทางชีวิตจึงไม่แน่นอน ตายตัว ปรับเปลี่ยนได้ตามปัจจัยแวดล้อมที่เป็นอยู่ ไว้มาเล่าให้ฟังอีกที
ในเมื่อเราไม่สามารถควบคุมโชคชะตา ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์กล่าวถึงเวลาไม่สามารถอธิบายหรือพิสูจน์สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมีเหตุผลหรือมีตรรกะของความเป็นไปได้ โชคชะตาเป็นเพียงผลลัพธ์ที่ไม่ได้คาดหวังของการใช้ชีวิต อย่าไปยึดว่าจะทำให้ชีวิตดีขึ้นแน่นอน หลายคนต้องไปเสริม ไปเติม ไปไหว้ ภาวนาให้ชีวิตตนมีโชคชะตาที่ดี ให้เอื้อสิ่งดีๆมาสู่ตน มันก็แค่ความรู้สึกปรุงแต่งให้จิตใจสบายในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ส่วนตัวเชื่อว่าโชคชาตะ และ ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง อยากได้อยากมี ต้องลงมือ ต้องทำเอง ไม่มีสิ่งใดสามารถบันดาลให้เราได้ ตัวเราเองเท่านั้นเป็นที่พึ่ง
มีสองความรู้สึกที่อยากจะบอกเรื่องนี้
รู้สึกแรก อยากบอกคนที่มีลูกว่า จงให้ความสำคัญ ตระหนักถึงการวางแผนการใช้ชีวิตทั้งของตัวเองและลูกว่าจุดมุ่งหมายในชีวิตอยากเป็นอะไร อยากเห็นภาพอนาคตของลูกเป็นอย่างไร ทั้งเราและลูกจะใช้ชีวิตในระบบสังคมอย่างไร จะออกนอกระบบอย่างไร เพื่อจะได้เริ่มวางแผนและลงทุนชีวิตให้เป็นไปในสิ่งที่ต้องการ มันอาจจะเหนื่อย ยากลำบาก ต้องใช้ความอดทนแต่ก็ต้องทำ หากไม่สามารถออกนอกระบบสังคมได้ พื้นฐานของการลงทุนแรก คือให้การศึกษาที่ดี ที่เหมาะกับฐานะเรา เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็ก ให้เติบโตมาอย่างมีความรู้ มีเหตุผลในการใช้ชีวิตตามระบบสังคม สามารถใช้ชีวิตอย่างไม่ลำบากด้วยตัวเอง ตามชื่อเรื่อง"ตอนเล็กๆไม่เรียนหนังสือ โตขึ้นมาต้องขัดรองเท้า" ขอเพียงให้ทำความเข้าใจภาพรวมตามที่กล่าวมาก่อน เป็นเรื่องที่จำเป็นที่ต้องทำจริงๆ "ปลูกถั่วย่อมได้ต้นถั่ว" เราหย่อนเมล็ดพันธ์ุแบบไหน ผลลัพธ์ย่อมได้แบบนั้น
ความรู้สึกที่สอง สำหรับคนที่กำลังใช้ชีวิตในระบบสังคม ที่ต้องเผชิญกับปัญหา ใช้ชีวิตอยู่ให้รอดไปวันต่อวัน ไม่ว่าจะเกิดมาจากต้นทุนชีวิตที่ไม่ดี ล้มเหลวในอาชีพ ใช้ชีวิตที่ผิดพลาดมา ประสบโชคร้าย ฯลฯ สิ่งที่ควรทำคือ
1) ไม่ว่ามันจะแย่อย่างไร คิดเสมอว่า ชีวิตต้องดำเนินต่อ จงใช้ชีวิตอย่างมีค่า ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าในแต่ละวันที่ผ่านไป ราวกับว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้แล้ว ทำเท่าที่มีแรง มีปัญญาทำ
2) ไม่เอาความคิดไปคิดวนเวียนจมปลักอยู่ในอดีต มันผ่านมาแล้วกลับไปแก้ไขไม่ได้ เอาเวลาไปคิดเรื่องที่มีประโยชน์ต่อตัวเองดีกว่า
3) อย่ายึดติด หัดปล่อยวาง ทบทวนทุกสิ่ง อย่างไม่เป็นเจ้าของ บางปัญหาอาจแก้ได้ด้วยการปล่อยวาง ลดขนาด ลดสิ่งที่มี
4) ไม่เสียเวลาไปยุ่งเรื่องคนอื่น
5) ออกจากความเคยชินหรือติดกับความสบาย กินอยู่อย่างง่ายๆ ไม่ต้องทำอะไรซับซ้อน
6) ใช้เท่าที่มี ไม่สร้างภาระเพิ่ม
7) ลดความปรารถนาดีต่อผู้อื่นลงในขณะที่ตัวเองยังแย่
8) ไม่เอาชีวิตตัวเองไปเทียบกับคนอื่น
9) หยุดคิดปรุงแต่งในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
10)คิดเสมอว่า ไม่มีอะไรแน่นอน ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงได้ โดยเฉพาะใจคน
เอาเพียง 10 ข้อพอ เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนล้วนมีปัญหา มีทุกข์สุขมากน้อยต่างกันไป เราไม่รู้หรอก เพียงแต่เขาจะพูดออกมาให้ฟังหรือไม่
บนโลกนี้ เราไม่ได้ทุกข์เพียงคนเดียว ความเก่งไม่ได้วัดกันที่หาเงินได้มากเพียงอย่างเดียว แต่การเอาตัวรอดจากปัญหานั่นคือ ความเก่งยิ่งกว่า
ยังเชื่อว่า "ทำดีย่อมได้ดี" และ คงมีสักวันที่เราจะได้รับสิ่งดีๆ จากความพยายาม
พ่อหมูตู้